วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มนต์เสน่ห์เมืองปากช่อง


ปากช่องเป็นเมืองคาวบอยเมืองไทย  เป็นอย่างไรหนอ  ภาพแรกที่ไปเจอคือภาพนายกเทศบาลเมืองปากช่อง  ที่คณะเราไปรับประทานอาหารเย็น  คาวบอยตัวจริงซะด้วย  (ท่านไม่ได้มาต้อนรับพวกเราหรอก ถ่ายรูปใส่ไวนิวส์มาแขวนไว้ต้อนรับแทน) ร้านอาหารของท่านอยู่ริมแม่น้ำยม  ถ้าฝนไม่ตกน้ำคงจะใสสะอาดน่าดู  แต่นี่เพิ่งผ่านฝนตกมาหมาด ๆ น้ำในลำน้ำยมจึงสีเหมือนชาใส่นม (ชาเย็น) ซะงั้น




ร้านอาหารนายกปากช่อง

เสร็จจากอาหารเย็นท่ามกลางฝนพรำ  เมืองปากช่องเงียบสงบ  ทัวร์พาเราเขาพักที่โรงแรมปากช่องแลนด์มาร์ก นับเป็นครั้งแรกที่ได้พักโรงแรมในเมืองไทยชั้นที่หนึ่ง  อ่านดี ๆ  นะคะ ชั้นที่หนึ่ง ไม่ใช่ชั้นหนึ่ง คือไม่ใช่ชั้นที่สองหรือสาม



ทำไงดีก็มันยังหัวค่ำอยู่เลยจะนอนเข้าไปได้อย่างไร  เดินเตร่ลงมาล็อบบี้ มองหาอินเตอร์ฟรีหรือจ่ายตังค์ก็ได้ ปรากฎว่าไม่มีจึงถามน้องผู้ชายที่อยู่ประจำอยู่ที่เค้าเตอร์  ว่ามีอินเตอร์ให้เช่าไหม  เขามีบอกว่าให้เล่นฟรี พี่มีโน๊คบุ๊คมาไหม  มันจะมีได้ยังเล่าน้องเอ๋ย  ทำตาอ้อนวอนนิดหน่อย  น้องมันเลยไปหยิบโน๊คบุ๊คส่วนตัวมาให้ใช้ (ฟรีทั้งเครื่องฟรีทั้งสัญญาณ ช่างเข้าทางดีแท้ ! )  แหม่ ! คนปากช่องใจดีซะนี่กระไร  เช็คเมลออกมาเป็นตับตอบไม่หมด  เอาที่จำเป็นเพื่อนซี้ ๆ เท่านั้นพอ คืนเครื่องน้องไปเพราะเกรงใจ  ไปนอนดีกว่า




เช้าตื่นขึ้นมาสดชื่นรื่นรมย์กับเสียงฝนกระทบพื้น (เพราะนอนชั้นหนึ่ง) ที่ลอดแอร์เข้ามาก็ไพเราะดี  (ถ้าอยู่บ้านยังไม่คลานออกจากที่นอน)





หลังจากจัดการกับอาหารเช้าเสร็จแล้วก็มาชมและเลือกซื้อผลไม้ประจำฤดูกาลของปากช่อง ตามทางผ่านขาเข้ากรุงเทพฯ  แม้เจ้าโว้ย ! น้อยหน่า




สามเข่ง ๑๐๐ ใครจะกินเข้าไปหมด  ลองชิมแล้วหวานหอมอร่อย  ซื้อยกเข่งคงไม่ไหวเอาลูกเดียวพอนะ




ถัดไปไม่ไกล  ก็นำเราไปชิมองุ่นสด ๆ จากไร่สุพัตรา  สารพัดผลิตภัณฑ์จากองุ่น




อดไม่ไหวที่จะได้ภาพสวย ๆ ของพวงองุ่นงาม ๆ




หลังฝนตก  หยดน้ำยังคงเหลือไว้ให้เห็นเป็นบุญตา




ไร่สุดลูกหูลูกตา  จะมีโอกาสได้มาเป็นสะใภ้ไร่นี่ไหมหนอ อิอิ


..................

ประกาศมีดินขายถูก ๆ

ถ้าไม่ไปก็ไม่รู้ว่าที่ด่านเกวียนมีดินขายถูก ๆ ทำเอาหลายคนหอบไปเต็มรถแทบไม่เหลือที่วางให้ยืดแขนขา  มาดูกันม่ะ


หลากหลายตุ๊กตา (อันนี้ก็หอบมาหลายตัว) นำไปวางเรียงรายบนอ่างปลา



กระถางสุดสวย  นำไปปลูกต้นไม้ไว้ในบ้านมันคงสวยดี




มากแบบหลายลาย  อันนี้เลี้ยงไม้น้ำใส่ปลาหางนกยูงก็คงเข้าที



ตุ๊กตายิ้มแฉ่ง  ชอบมากวางตรงไหนก็สวย



หลายท่าอริยบท




กระถางรูปหมี ใส่เศรษฐีเรือนในใบสวย ๆ



นี่ก็สวย




นี่ก็ชอบ




นี่ก็ดูดีมีคลาส

สรุปแล้วขนขึ้นรถทั้งหนักก็หนักกลับมาถึงบ้าน  นำไปวางเต็มบ้าน จนวันนี้ยังไม่ได้ฤกษ์จัดเลย  คนเรานี่ก็บ้าหอบฟางดีแท้

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เยือนนครหลวงเวียงจันทน์

ไปเยือนนครหลวงเวียงจันทน์  ไก๋ด์ลาวน่าตาใสซื่อคนนี้  น้องนางชื่อ "ดวง" พูดจาทะลึ่งสนุกสนาน  ทำให้พวกเราได้ภาษาลาวมาคนละคำสองคำ  ช่างเป็นภาษาที่ตรงตัวไม่หลบไม่ดิ้นเหมือนภาษาไทย  บางคนคิดว่ามันเป็นคำหยาบ  แต่เขาใช้เป็นภาษาราชการ 


ไก๋ด์ลาวชื่อ "ดวง"


สถานที่แรกที่ไปถึง  เจ้าหล่อนก็นำเราไปเยี่ยมชมสิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองของเขา  คือ ไปไหว้พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ และอนุสาวรีย์พระไชยเชษฐา
พระธาตุหลวงเวียงจันทน์




อนุสาวรีย์พระไชยเชษฐา




หอธรรมสภา ตั้งอยู่ใกล้ ๆ พระธาตุหลวง
ซึ่งหลวงพ่อคูณได้บริจาคเงินกว่าสองล้านบาทเพื่อช่วยเหลือการก่อสร้าง





 ฝนตกพร่ำ ๆ พอฉ่ำพื้น


ประตูชัย 


ชมประตูชัย  สถาปัตย์กรรมลาวฝรั่งเศสอันสวยงามกลางกรุงเวียงจันทน์  บนยอดเป็นจุดชมวิวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์โดยรอบ  แต่ต้องเดินขึ้นบันไดกว่า 200 ขั้น  บ่ไหวเจ้าค่ะ






พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว  (เดิมเคยเป็นที่ประดิษฐองค์พระแก้วมรกต)



ภายในหอนี้ เหมือนมีมนต์ขลัง บรรยากาศทึม ๆ มีพระพทุธรูปหินให้อธิษฐานวัดใจกัน ณ ที่นี่ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่  ถามคนลาวที่มาไหว้พระใกล้ ๆ และสังเกตุเห็นเขานั่งอธิษฐานอยู่นานแล้วก็ยกพระพุทธรูปหินตรงหน้า 2 ครั้ง  ถามเขาว่าทำอะไร  จึงทราบว่า  ถ้าตั้งสมาธิและอธิษฐานขอสิ่งใด(ยกเว้นเรื่องความรัก)  หากได้จะยกพระพุทธรูปขึ้น  หากไม่ได้จะยกไม่ขั้น  ช้าอยู่ใยเราไหน ๆ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาแล้วก็ลองอธิษฐานขอบ้าง (ไม่บอกว่าขออะไร) ปรากฏว่ายกขึ้นเสมอหน้าอก ทั้งสองครั้ง  ส่วนเรื่องที่ขอจะสมหวังหรือไม่นั้นรอพิสูจน์กันข้างหน้า อิอิ




ภายนอกอาราม



พระพุทธรูปองค์นี้มีดวงตาครบอยู่เพียงองค์เดียว  เขาบอกว่าดวงตาทำด้วยหยก  องค์อื่น ๆ ที่รายเรียงอยู่รอบ ๆ ดวงตาถูกขโมยไปหมดสิ้น





ภายนอกอาราม



อ่านบ่ออก

อ่านว่า "พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว"
ปลอดม้วนยาสูบ


จากนั้นไก๋ด์คนสวยก็พาเราไปละลายทรัพย์  เช่น ร้านเครื่องเงิน  ผ้าไหม  กระเป๋าก๊อบปี้จากจีน  แม้แต่เจ้า  Black Berry  รุ่นล่าสุดก็ยอมควักเงินซื้อ  เสี่ยงกันไป ตาดีได้ตาร้ายเสียว่ากันไปตามอัธยาศัย

โรงแรมนะคอนสัก 3

กลับมาพักผ่อนหย่อนกายาที่โรงแรมนะคอนสัก 3  จัดว่าเป็นโรงแรมหรูของลาว  หน้านี้ไม่มีใครเที่ยวมีแต่คณะเรา  เขาเลยจัดให้เราเสียเต็มที่เลย  กลางคืนมีพิธีบายสีสู่ขวัญ




พิธีบายสีสู่ขวัญ

ฟ้อนของลาวก็งามแต้ ๆ




เต้นรำจังหวะแบบลาวก็สนุกดี  ครูก้องออกอาการก่อนใครอื่น (ซ้าย) แล้วก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย





ตื่นเช้าขึ้นมาหลังจากอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อย ก็ไปนมัสการวัดศรีเมืองอีกแห่ง  ก่อนนำเราไปละลายทรัพย์ที่ดิวตี้ฟรีที่ด่านก่อนข้ามฝั่งกลับไทย  สะพานมิตรภาพไทย-ลาว (ลาว-เลีย-ไทย) มาจาก ไทย - ออสเตรเลีย - ลาว






สะบายดีประเทศลาว


..........................





วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องส้วม ๆ





วันนี้มีโอกาสได้เดินทางผ่านไปทางเส้นทางชุมพร - กรุงเทพฯ  และได้แวะรับประทานอาหารกลางวันที่สวนนายดำ  นอกจากอาหารอร่อยแล้ว 




ยังมีที่ประทับใจสุด ๆ ก็คือการจัดบริเวณสวนร่มรื่นเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์  และที่สุดยอดไปกว่านั้น คือ  ส้วม 


อธิบายด้วยภาพ



ที่เจ้าของสร้างหลบมุมไว้ใต้เงาไม้ตามจุดต่าง ๆ  สะอาดเอี่ยมอ่องอยู่เสมอ  ได้ยินแต่คำร่ำลือ  แต่วันนี้ได้มาเห็นของจริงกันชัด ๆ สมคำร่ำลือจริง ๆ


อ่างดอกไม้ยังปราณีตสวยงาม


ทางไปส้วม



และยังจัดเป็นสถานที่พักผ่อน  มีร้านขายของ  มีร้านกาแฟ  ใครผ่านมาผ่านไปแวะพักทำธุระได้อย่างสบาย  แถมได้ของกินติดไม้ติดมือไปกินระหว่างทางได้ด้วย เช่น ส้มเขียวหวน  กาแฟชุมพร  หอมอร่อย





ลูกใครหว่าอยู่ในรังนกกระจอก
ขอบคุณแม่ลูกในภาพเห็นน่ารักดีจึงนำมาลง



                                                             ขอบคุณข้อมูลจากสวนนายดำ  ชุมพร


วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สายน้ำไม่ไหลกลับ









เส้นทางแห่งความ..โดดเดี่ยว
เปล่าเปลี่ยนเงียบเหงา..เศร้าสร้อย
จบแล้วจบสิ้น..การรอคอย
เมื่อใบไม้ร่วงผลอย..ตามรอยเดิม




ยิ่งสูงยิ่งหนาว..เจ้าก็รู้
เจ้าสู้กับอะไร..ตั้งแต่เริ่ม
สู้กับความกลัว..ที่แต่งเติม
ทวีเพิ่มหลอกตน..ให้พ้นไป




......................ช่างน่าขัน
วันวัยผ่านพ้นดุจ..น้ำไหล
สายน้ำไม่หวนคืน..ฉันใด
ชีวิตคนไม่ไหลคืน..เช่นกัน











วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ฝนฉ่ำ




มชื่นฉ่ำชื้นเปียกฝน
ระร่วงหล่นบนพื้นหญ้า
เม็ดดินดูดรับซับชีวา
แผ่นดินแผ่นฟ้าสมานกัน







หากน้ำใจดุจน้ำฟ้า
หันหน้ามาสมานฉันท์
คงสงบสุขทุกทุกวัน
แค่แบ่งปันน้ำใจมอบให้กัน


...................................



คำถาม










ตายกลาดเกลื่่อน.เปื้อนโศก.วิโยคสุด
นี่มนุษย์.ผีห่า.ซานตานไหน
ล้างผลาญกัน.ไม่ว่า.ศาสนาใด
เศร้าหัวใจ.บ้านของข้าฯ ..ปัตตานี.



....................












ถามหา..ก็ถามหาย 
เมื่อความตาย..เสียงปืนลั่น
โชคดี..แต่ละวัน 



ศพใหม่นั้น...มิใช่เรา




ปัง ! ปัง ! ตื่นตระหนก
ปัญหาหมก..เท่าภูเขา
ยิ่งแก้..เหมือนยิ่งเกา
ช่างไร้เงา...จะเหมือนเดิม