ไหว้งาม ๆ เจ้าเลขา (เจ้าฮะ)
เป็นการซื้อส่งท้ายเมืองดาลัดภาพวาดสวย ๆ เหมาไปเลย ภาพละ 20,000 ด่อง
ระหว่างทางกลับจากเมืองดาลัดสู่นครโฮจิมินห์ ผ่านน้ำตกอันสวยงามขนาดใหญ่ชื่อว่าน้ำตก prann magour แวะชักภาพตรงนี้นานพอสมควร ก่อนมุ่งหน้ากลับโฮจิมินห์
มีรูปกับเขาด้วย อิอิ
ดอกกระดาษ
ระหว่างทางกลับจากต่อไปนี้จะเห็นไร่กาแฟ ไร่ชา เรียงรายตามไหล่เขา เมื่องนี้เป็นเมืองชากาแฟจริง ๆ
รับประทานอาหารเย็นบนเรือล่องแม่น้ำไซง่อน สร้างความบรรเทิงกันพอสมควร เพราะมีโคโยตี้มาสะบัดสะโพกให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หัวใจกระเด็นกระดอนออกมานอกเสื้อพอสมควร หุหุ
เอาเป็นว่าเหมือนล่องแม่น้ำเจ้าพระยาแถว ๆ โรงแรมริเวอร์ไซด์ประมาณนั้น
คืนนั้นมีคนไปตะลุยนครโฮจิมินห์ตรงตลาดเบนถันยามค่ำคืน คงไม่ต่างจากถนนคนเดินทั่ว ๆ ไป
เราเข้าพักที่โรงแรม Sen Viet Hotel อยู่กลางใจเมือง ว่าจะเดินไปชมทัศนียภาพ ถนนหนทางซะหน่อย ไปได้หน่อยเดียวต้องยอมแพ้ถอยกลับ เพราะสู้ไม่ไหวรถมอร์เตอร์ไซด์จะชนตาย ไม่อยากเป็นศพอยู่เวียดนาม รถยังกับฝูงแมลงเม่าออกจากรู ขับกันแบบไม่สนใจใคร แต่ก็แปลกไม่เห็นมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
เช้าขึ้นมาเสร็จสรรพกับอาหารเช้าพร้อมสัมภาระ เรามีเวลาอีกวันหนึ่งในเวียดนาม ไปย้อนอดีตสงครามเวียดนามตอนสังครามโลกครั้งที่ 2 ที่อุโมงค์กู๋จี
ลงอุโมงค์ (ก้นใครหว่า)
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชาวเวียดนามถึงเก่งเพราะเขามีแนวคิดต่อสู้กับสหรัฐที่มียุทโธปกรณ์มีแสนยานุภาพ แบบนี้นี่เอง
ขุดรูลวงข้าศึกแบบแยบยล ใช้ภูมิปัญญาต่อสู้กับอาวุธสมัยใหม่ที่มีแสนยานุภาพสูง ทหารอเมริกันเอาชีวิตมาทิ้งไว้ืี่นี่มากมาย นี่แหละสงคราม
มันคือระเบิด
เครื่องมือขุดอุโมงค์
กับดักทั้งนั้น
หลุมหลบภัยเดินทางไปมาหาสู่กันได้ใต้ดิน
รูปปั้นจำลองทหารเวียดนาม
เห็ดข้างทางเดินเก็บมาฝาก
อธิบายด้วยภาพ
ดร.สุนันทา ฯ ลงนามก่อนอำลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น