วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บันทึกของนิฌา



ตอนที่ ๑....
เดินตามฝัน

เมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมา
นิฌา..ได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งขณะนั้นเธออยู่ในวัยรุ่นเป็นผู้หญิงช่างฝัน
ฝันเห็นแต่สิ่งที่สวยงาม มองโลกในแง่ดี
ทุกคนที่อยู่รอบข้างเธอจะมีความสุขไปกับความเป็นคนช่างฝันของเธอ

เธอมีความรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนเข้าใจความรู้สึกของเธอ
และผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
เขาเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอโดยไม่ต้องบอกกล่าว
ทุกอารมณ์ความรู้สึก เขาเป็นนักสังเกตุและจดจำรายละเอียด
จนเธอเองคิดไม่ถึง เขาเหมือนสุภาพบุรุษในใจเธอ
เธอเก็บเขาไว้ในใจตั้งแต่นั้นมา...

วันเวลาและระยะทาง
ต่างคนต่างไปทำหน้าที่มนุษย์ตามเส้นทางที่ตนเองเลือกเดิน
ทราบว่าเขาไปมีครอบครอบครัว
ส่วนเธอไปเป็นครูสอนเด็กตามอุดมการณ์เดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของเธอ
ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ผ่านการปั้นด้วยมือเธอ
เธอเก็บเขาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจและเดินตามความฝันของเธอต่อไป
เมื่อมีปัญหาและอุปสรรคเธอจะนึกถึงเขา
“ถ้าเขาอยู่ข้างกายฉันในตอนนี้คงมีเพื่อนคอยปลอบใจและเป็นคู่คิดในการแก้ปัญหา” แล้วเก็บเขาไว้ ณ จุดเดิม...
......................................

ตอนที่ ๒..
จุดเปลี่ยน...

สิบเจ็ดปีผ่านไปบนเส้นทางเดินสายการสร้างคนให้เป็นพลเมืองของชาติของเธอ
เธอเบนเข็มชีวิตอีกครั้งแต่ยังไม่หนีเส้นทางการศึกษา
เธอก้าวเข้ามาสร้างครูเพื่อไปสร้างเด็ก....
เนื่องจากเธอทนเห็นสภาพการบริหารที่ไม่เอาไหนของหลาย ๆ ฝ่าย
แม้เธอรู้ตัวดีว่าเธอคงช่วยอะไรได้ไม่มากกับสังคมนี้
แต่ก็ยังดีที่เธอเริ่มต้นที่ตัวเอง “start by starting”
เธอก้าวเข้ามาในสายบริหารการศึกษาเพื่อผลักดันในสิ่งที่เธอฝันให้เป็นจริง

ด้วยภาระและหน้าที่เธอก้าวไปอยู่ในเมืองใหญ่อย่างไร้ญาติขาดมิตร
แต่เธอก็ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้าและท้าทาย
และด้วยเธอเป็นคนมี อัธยาศัยไมตรี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
เธอจึงมีเพื่อน มีญาติ มีมิตรใหม่
เดินไปไหนมาไหนมีแต่คนทักทายด้วยรอยยิ้ม
..............................................


ตอนที่ ๓..
ตามหา

วันหนึ่งเธอกำลังหาค้นหาข้อมูลในการทำวิจัยให้องค์กรที่เธออยู่
เธอก็เหมือนคนทั่วไปในยุคโลกไร้พรมแดน
วิธีการสืบค้นข้อมูลที่เร็วที่สุดคือการค้นหาทางอินเตอร์เน็ท
แล้วเธอก็เห็นชื่อเธอที่ถูกประกาศตามหาโดยคนที่เธอเก็บเขาไว้ในซอกหลืบส่วนลึกของหัวใจ และลืมนำเขาออกมานึกถึงนานแล้ว จากเว็บไซด์หนึ่งโดยบังเอิญ
ตามหาตั้งแต่ห้าปีที่ผ่านมา...โดยเธอไม่รู้เลยว่ามาคนติดตามหาอยู่
เธอก็เริ่มติดตามทางอินเตอร์เน็ทว่าเขาอยู่ที่ไหน
ทำอะไรอยู่ แล้วใยจึงตามหาเธอ มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเขา
คำถามอีกมากมายประดังเข้ามาให้วนเวียนอยู่ในสมอง
เธอจึงโยนกระทู้ไปในเว็บไซด์นั้นทันที เผื่อว่าเขาผ่านเข้ามาเจอ
และได้ผลดังที่เธอคิดเพราะเขาเจอจริง ๆ
เมื่อกระทู้นั้นถูกตอบกลับโดยเข้าใจกันแค่คนสองคนเท่านั้น
ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน อะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้างตลอดเวลายี่สิบสามปีที่ผ่านมา
แต่ที่น่าฉงนเขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่
แต่ทำไมเขาไม่ติดต่อกลับ เขาแค่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
.............................................

ตอนที่ ๔...
ช่องว่างทางสังคม...

เธอเดินอยู่บนถนนแถวหน้า ผู้คนยอมรับนับหน้าถือตา
แต่เขา...เป็นแค่นักเขียนอิสระ มันเหมือนเส้นแบ่งบาง ๆ ที่เขาเป็นฝ่ายขีดมันขึ้นมาส่วนเธอไม่เคยแม้แต่จะคิดแบ่งแยกชนชั้นของคนในสังคม ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน ความคิดของคนตากหากที่แบ่งแยกกันเอง

เธออยากจะบอกเขาว่า
“สำหรับฉันแล้ว...คุณคือสุภาพบุรุษในใจฉันตลอดมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน...” เขาใช้ชีวิตแบบศิลปินแบบไหนเขาก็เป็นแบบนั้นมาตลอด เธอรู้ว่าความคิดของเขาใครก็เปลี่ยนไม่ได้
เธอพยายามจะเชื่อมโยงหรือสร้างภาพให้เขาเดินอยู่บนถนนสายเดียวกับเธอ
เพียงเพื่อหวังว่าความฝันในอดีตจะหวนกลับมา....
โดยการจัดฉากภารกิจอันสมจริงขึ้นมาให้เขาทำ
ด้วยการให้เขาเป็นวิทยากรอบรมให้ครูที่เธอดูและอยู่
ในความรู้ความสามารถพิเศษของเขา และเขาก็ทำอย่างทุ่มเทจนเป็นที่ยอมรับของผู้คนในแวดวงของเธอ

เขาก็รู้ว่าเธอกำลังจะจับเขาแสดงละครบทใหม่ที่เขาไม่เคยทำ
แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนช่างฝันและมีความสามารถพิเศษอยู่ในตัว
เขาจึงกล้ารับคำท้า อย่างไม่แน่ใจ แต่ผลออกมาดีเกินคาด
เธอเฝ้ามองการทำงานของเขา และแน่ใจว่าเขาคือผู้จุดประกายความฝันให้เธอก้าวต่อไปอีกเช่นเคย

เขามีความคิดเป็นปัจเจกสูง เป็นคนฉลาดที่จะคิด
จึงต้องตกเป็นทาสของความคิดตลอดมา
เปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนได้ แต่เปลี่ยนความคิดของเขานี้ยากยิ่ง
เธอจึงไม่คิดที่จะเปลี่ยนเขาอีกต่อไป แต่จะเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
.........................................

ตอนที่ ๕...
ภาพฝันวันวาน....

ภาพต่าง ๆ มันแจ่มชัดขึ้นมาที่ละภาพจนต้องหวนคำนึง
เมื่อสิ่งที่เธอเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจในวันนั้นมันถูกหยิบขึ้นมาดูใหม่
นิฌา เธอเคยฝันว่าเขาคือเพื่อนร่วมทางของเธอในทุกขณะของชีวิต
ยามเธอเหงามีคนคอยเป่าขลุ่ย ดีดพิณ ร้องเพลงขับกล่อมให้เธอฟัง
ยามเธอมีปัญหามีคนคอยแสดงความคิดเห็นหาทางออกให้โดยไม่ครอบงำทางความคิดแก่เธอ
ยามเธอเศร้ามีคนคอยโอบกอดปลอบประโลมและเช็ดน้ำตาให้
ยามเธอมีความสุขมีคนคอยส่งยิ้มให้เธอ

..............................

ตอนที่ ๖...
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป...

วันเวลาที่ผ่านมา...ต่างคนต่างไปพบบทเรียนที่ตนเองแสวงหากันมาเพียงพอแล้ว
ชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อถูกลงโทษ แต่เกิดมาเพื่อได้รับบทเรียน
เธอไม่ต้องการจะก้าวล่วงเข้าไปในชีวิตของเขา

ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า
ทั้ง ๆ ที่ใจเธอเมื่อแรกเห็น...อยากเข้าไปสวมกอดให้หายคิดถึง
วันที่พบกันอีกครั้ง...
เขาก้าวแผ่นประตูขาออกของสนามบิน
เธอไปรอรับเขาด้วยใจกระวนกระวาย
เพื่อจะเห็นหน้าเขาว่าเขาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
แววตาช่างฝันยังคงมีให้เห็นหรือไม่

ภาพของชายกลางคนตรงหน้าเธอ
เหมือนคนตรากตรำงานหนักมาทั้งชีวิต
รอยยิ้มยังเหมือนเดิม บนแววตาที่ไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง
หัวใจเธอแทบหลุดลอย...
เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำถามว่า “คุณไปทำอะไรมา”
เพราะกลัวว่าไปตอกย้ำความรู้สึกที่เป็นปมด้อยของเขา
เธอต้องระวังคำพูดทุก ๆ คำที่กล่าวออกไป

เธออยากให้เวลาทั้งหมดเป็นของเธอ..แต่เธอทำไม่ได้
เพราะเธอไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเขาที่เก็บซ่อนไว้นั้น...มีเธอหรือไม่
เธอจึงต้อนรับเขาเหมือนแขกของเธอคนหนึ่ง
ให้เขาพักโรงแรมชั้นหนึ่งของเมืองนั้น
บริการนำเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยว
ตลอดเวลาที่เขาปฏิบัติภารกิจที่เธอจัดฉากให้เขาทำ
เขาก็ไม่ได้เอื้อยเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจให้เธอฟัง
นอกจาก...ทิ้งคำสุดท้ายไว้ “ตามหามาห้าปี กว่าจะเจอ”
แล้วเขาลาลับผ่านประตูทางขึ้นเครื่องบินไป
...............................................

ตอนที่ ๗...
เธอผู้ไม่เคยเรียกร้อง

สิ่งที่เธอคิดคือใช่ “มนุษย์เพศผู้ไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวได้”
เขามีภาระจริง ๆ หลังจากทราบว่าครอบครัวเขาต้องอับปางลงครั้งที่หนึ่ง
เขายังที่จะรับภาระของผู้อื่นเพื่อให้ตนเองมีเพื่อนมีครอบครัวในครั้งที่สอง
เขาคงเหนื่อยน่าดู แต่เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้

เธอไม่ต้องการเห็นความแตกร้าวในครอบครัวใคร
ทุกคนก็ต้องการความรักความอบอุ่น
ต้องการเพื่อนคู่คิด
แต่ถ้าให้พรากของผู้อื่นมาเธอคงทำไม่ได้
และไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอ

เขาเองก็คงเห็นความเหมาะสมในสังคมเพื่อลดช่องว่างระหว่างชนชั้น
เขาจึงต้องแสดงความเป็นตัวตนเหนือเหตุผล
ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้อยู่ว่าเวลาที่เหลืออยู่เขาควรจะชดเชยให้เธอเพียงผู้เดียว
เขาเป็นผู้ทำเวลาทั้งหมดของเธอหายไป
เธอผู้ไม่เคยเรียกร้อง
เธอผู้ไม่เคยทวงสิทธิ
เธอผู้ไม่เคยใช่สิทธิ
เธอคือผู้สละสิทธิเสมอมา
...............................

ตอนที่ ๘...
โหยหาความรัก

นิฌา...ในสายตาของผู้อื่น เธอช่างเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง สามารถบังคับบัญชาคนให้อยู่ในโอวาทในสายงานได้อย่างง่ายดาย
แต่ในจิตใจของเธอ...ช่างเหงาเศร้าเหลือคณา
โดดเดี่ยว...ไร้แม้แต่คนจะเข้าใจความรู้สึก ๆ ที่เก็บซ่อนไว้ในซอกหลืบของหัวใจ
มีหนังสือเป็นเพื่อนร่วมทางยามเหงา
มีอินเตอร์เน็ทเป็นเพื่อนร่วมทางยามเศร้า
มีเหล้าเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมยามมีปัญหา

แต่ด้วยบทบาทหน้าที่ที่เธอพร่ำสอนผู้อื่น
ทำให้เธอต้องทนกับมันให้ได้
เธอจึงเสมือนว่าเป็นผู้หญิงที่แกร่ง เป็นผู้นำ
แต่แท้ที่จริงเธอแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่โหยหาความรัก
โหยหาเพื่อนร่วมทาง
................................................

ตอนที่ ๙....
ทำตามบทบาทหน้าที่

เธอพยายามบอกเขาว่า “คุณต้องทำหน้าที่ของคุณในภาระที่คุณมี”
หากทุกคนละทิ้งหน้าที่หรือทำผิดหน้าที่
ความสับสนวุ่นวายก็จะเกิดขึ้น
เพราะที่สับสนวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้
ก็เพราะคนไม่ทำตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง
โดยเธอไม่รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นใครไม่ทำหน้าที่
หรือใครทำผิดบทบาทหน้าที่
อุบัติเหตุของชีวิตมันจึงเกิดขึ้น

แต่เธอก็เชื่ออยู่ประการหนึ่งว่า
เขาเป็นคงช่างฝัน ฉะนั้น อะไรก็ตามที่ผิดไปจากความฝันของเขา
มันอาจจะทำให้เขาทนกับมันไม่ได้
นอกจากความรับผิดชอบที่มีอยู่ในตัวเขาเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไร เธอเชื่อว่ามนุษย์ก็ยังปรารถนาที่จะสนองกิเลสตัณหาของตนเอง
กว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด
...................................

ตอนที่ ๑๐…
บทอำลา

เรายังต้องติดต่อกันอีกใช่ไหม หัวใจเธอร้องถาม
ใช่...เราต้องติดต่อกันอีก
บทกวีที่สวยงามเริ่มจะไม่สละสลวย
คำพูดบนจดหมายแผ่นใส ๆ บาง ๆ เริ่มจะมีการประชดประชัน
เสียงรับสายปลายทางเริ่มมีคนอื่นรับสายแทน
นิฌา...เธอเริ่มไม่สบายใจที่ความห่วงใยของเธอถูกตรวจสอบโดยผู้เกี่ยวกับเขา
เธอถามใจไปมาหลายครั้งว่า
ว่าถ้าเธอเลิกติดต่อสื่อสารกับเขา
เขาจะคิดน้อยใจไหม เพราะลำพังเขาก็มีสถานภาพทางสังคมด้อยกว่าเธออยู่แล้ว เขาคิดว่าเธอตีค่าความรู้สึกของเขาเช่นไร
เธอเฝ้าหาคำตอบบนความห่างไกล ที่มีงานเป็นตัวเชื่อม
เธออยากจะตะโกนออกไปดัง ๆ ว่า
“ฉันจะทำอย่างดี...ฉันคิดถึงเขา...แต่ฉันไม่อาจจะทำตามใจที่ฉันคิดได้...”
เธอจึงตัดสินใจด้วยหัวใจที่อ่อนล้าว่า
“ยุติ...ให้กาลเวลาจะเป็นผู้ชี้ชะตา”..........
................................................................ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น