วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แค่คิดถึงก็ซึ้งแล้ว





แค่บอกว่าคิดถึงก็ซึ้งแล้ว
ดวงดอกแก้วกลีบเฉาคลายเศร้าหมอง
ดุจน้ำทิพย์ฉ่ำใสหัวใจพอง
สิ่งที่พร่องเต็มปริ่มอิ่มเอมใจ

เคยหวลไห้โหยหาค่าของรัก
เพิ่งประจักษ์ว่ารักนั้นมันอยู่ใกล้
อยู่ในห้วงความคิดถึงบึ้งหทัย
เป็นสายใยร้อยถักรักผูกพัน

รักใช่คู่...ชู้ชื่น...อาจขื่นขม
ซ่อนอารมณ์ ไหวหวามในความฝัน
รักที่แท้คือรักมิตรนิจนิรันดร์
รักคงมั่นรักอยู่มิรู้จาง

หากวันนี้เราจับจองครองเป็นเจ้า
คงเหงาเศร้าร้าวรักหรือหักห่าง
ความใกล้อาจให้แตกต้องแยกทาง
ให้รักร้างแรมราหรือลาไกล

จงรักษามิตรภาพอันซาบซึ้ง
ความคะนึงคิดถึงกันนั้นยิ่งใหญ่
เป็นพลังโอบกอดตลอดไป
สองดวงใจผูกพันจนวันตาย

บันทึกของนิฌา



ตอนที่ ๑....
เดินตามฝัน

เมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมา
นิฌา..ได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งขณะนั้นเธออยู่ในวัยรุ่นเป็นผู้หญิงช่างฝัน
ฝันเห็นแต่สิ่งที่สวยงาม มองโลกในแง่ดี
ทุกคนที่อยู่รอบข้างเธอจะมีความสุขไปกับความเป็นคนช่างฝันของเธอ

เธอมีความรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนเข้าใจความรู้สึกของเธอ
และผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
เขาเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเธอโดยไม่ต้องบอกกล่าว
ทุกอารมณ์ความรู้สึก เขาเป็นนักสังเกตุและจดจำรายละเอียด
จนเธอเองคิดไม่ถึง เขาเหมือนสุภาพบุรุษในใจเธอ
เธอเก็บเขาไว้ในใจตั้งแต่นั้นมา...

วันเวลาและระยะทาง
ต่างคนต่างไปทำหน้าที่มนุษย์ตามเส้นทางที่ตนเองเลือกเดิน
ทราบว่าเขาไปมีครอบครอบครัว
ส่วนเธอไปเป็นครูสอนเด็กตามอุดมการณ์เดิมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของเธอ
ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ผ่านการปั้นด้วยมือเธอ
เธอเก็บเขาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจและเดินตามความฝันของเธอต่อไป
เมื่อมีปัญหาและอุปสรรคเธอจะนึกถึงเขา
“ถ้าเขาอยู่ข้างกายฉันในตอนนี้คงมีเพื่อนคอยปลอบใจและเป็นคู่คิดในการแก้ปัญหา” แล้วเก็บเขาไว้ ณ จุดเดิม...
......................................

ตอนที่ ๒..
จุดเปลี่ยน...

สิบเจ็ดปีผ่านไปบนเส้นทางเดินสายการสร้างคนให้เป็นพลเมืองของชาติของเธอ
เธอเบนเข็มชีวิตอีกครั้งแต่ยังไม่หนีเส้นทางการศึกษา
เธอก้าวเข้ามาสร้างครูเพื่อไปสร้างเด็ก....
เนื่องจากเธอทนเห็นสภาพการบริหารที่ไม่เอาไหนของหลาย ๆ ฝ่าย
แม้เธอรู้ตัวดีว่าเธอคงช่วยอะไรได้ไม่มากกับสังคมนี้
แต่ก็ยังดีที่เธอเริ่มต้นที่ตัวเอง “start by starting”
เธอก้าวเข้ามาในสายบริหารการศึกษาเพื่อผลักดันในสิ่งที่เธอฝันให้เป็นจริง

ด้วยภาระและหน้าที่เธอก้าวไปอยู่ในเมืองใหญ่อย่างไร้ญาติขาดมิตร
แต่เธอก็ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้าและท้าทาย
และด้วยเธอเป็นคนมี อัธยาศัยไมตรี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
เธอจึงมีเพื่อน มีญาติ มีมิตรใหม่
เดินไปไหนมาไหนมีแต่คนทักทายด้วยรอยยิ้ม
..............................................


ตอนที่ ๓..
ตามหา

วันหนึ่งเธอกำลังหาค้นหาข้อมูลในการทำวิจัยให้องค์กรที่เธออยู่
เธอก็เหมือนคนทั่วไปในยุคโลกไร้พรมแดน
วิธีการสืบค้นข้อมูลที่เร็วที่สุดคือการค้นหาทางอินเตอร์เน็ท
แล้วเธอก็เห็นชื่อเธอที่ถูกประกาศตามหาโดยคนที่เธอเก็บเขาไว้ในซอกหลืบส่วนลึกของหัวใจ และลืมนำเขาออกมานึกถึงนานแล้ว จากเว็บไซด์หนึ่งโดยบังเอิญ
ตามหาตั้งแต่ห้าปีที่ผ่านมา...โดยเธอไม่รู้เลยว่ามาคนติดตามหาอยู่
เธอก็เริ่มติดตามทางอินเตอร์เน็ทว่าเขาอยู่ที่ไหน
ทำอะไรอยู่ แล้วใยจึงตามหาเธอ มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเขา
คำถามอีกมากมายประดังเข้ามาให้วนเวียนอยู่ในสมอง
เธอจึงโยนกระทู้ไปในเว็บไซด์นั้นทันที เผื่อว่าเขาผ่านเข้ามาเจอ
และได้ผลดังที่เธอคิดเพราะเขาเจอจริง ๆ
เมื่อกระทู้นั้นถูกตอบกลับโดยเข้าใจกันแค่คนสองคนเท่านั้น
ในที่สุดเธอก็รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน อะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้างตลอดเวลายี่สิบสามปีที่ผ่านมา
แต่ที่น่าฉงนเขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่
แต่ทำไมเขาไม่ติดต่อกลับ เขาแค่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
.............................................

ตอนที่ ๔...
ช่องว่างทางสังคม...

เธอเดินอยู่บนถนนแถวหน้า ผู้คนยอมรับนับหน้าถือตา
แต่เขา...เป็นแค่นักเขียนอิสระ มันเหมือนเส้นแบ่งบาง ๆ ที่เขาเป็นฝ่ายขีดมันขึ้นมาส่วนเธอไม่เคยแม้แต่จะคิดแบ่งแยกชนชั้นของคนในสังคม ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่ากัน ความคิดของคนตากหากที่แบ่งแยกกันเอง

เธออยากจะบอกเขาว่า
“สำหรับฉันแล้ว...คุณคือสุภาพบุรุษในใจฉันตลอดมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน...” เขาใช้ชีวิตแบบศิลปินแบบไหนเขาก็เป็นแบบนั้นมาตลอด เธอรู้ว่าความคิดของเขาใครก็เปลี่ยนไม่ได้
เธอพยายามจะเชื่อมโยงหรือสร้างภาพให้เขาเดินอยู่บนถนนสายเดียวกับเธอ
เพียงเพื่อหวังว่าความฝันในอดีตจะหวนกลับมา....
โดยการจัดฉากภารกิจอันสมจริงขึ้นมาให้เขาทำ
ด้วยการให้เขาเป็นวิทยากรอบรมให้ครูที่เธอดูและอยู่
ในความรู้ความสามารถพิเศษของเขา และเขาก็ทำอย่างทุ่มเทจนเป็นที่ยอมรับของผู้คนในแวดวงของเธอ

เขาก็รู้ว่าเธอกำลังจะจับเขาแสดงละครบทใหม่ที่เขาไม่เคยทำ
แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนช่างฝันและมีความสามารถพิเศษอยู่ในตัว
เขาจึงกล้ารับคำท้า อย่างไม่แน่ใจ แต่ผลออกมาดีเกินคาด
เธอเฝ้ามองการทำงานของเขา และแน่ใจว่าเขาคือผู้จุดประกายความฝันให้เธอก้าวต่อไปอีกเช่นเคย

เขามีความคิดเป็นปัจเจกสูง เป็นคนฉลาดที่จะคิด
จึงต้องตกเป็นทาสของความคิดตลอดมา
เปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนได้ แต่เปลี่ยนความคิดของเขานี้ยากยิ่ง
เธอจึงไม่คิดที่จะเปลี่ยนเขาอีกต่อไป แต่จะเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ
.........................................

ตอนที่ ๕...
ภาพฝันวันวาน....

ภาพต่าง ๆ มันแจ่มชัดขึ้นมาที่ละภาพจนต้องหวนคำนึง
เมื่อสิ่งที่เธอเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจในวันนั้นมันถูกหยิบขึ้นมาดูใหม่
นิฌา เธอเคยฝันว่าเขาคือเพื่อนร่วมทางของเธอในทุกขณะของชีวิต
ยามเธอเหงามีคนคอยเป่าขลุ่ย ดีดพิณ ร้องเพลงขับกล่อมให้เธอฟัง
ยามเธอมีปัญหามีคนคอยแสดงความคิดเห็นหาทางออกให้โดยไม่ครอบงำทางความคิดแก่เธอ
ยามเธอเศร้ามีคนคอยโอบกอดปลอบประโลมและเช็ดน้ำตาให้
ยามเธอมีความสุขมีคนคอยส่งยิ้มให้เธอ

..............................

ตอนที่ ๖...
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป...

วันเวลาที่ผ่านมา...ต่างคนต่างไปพบบทเรียนที่ตนเองแสวงหากันมาเพียงพอแล้ว
ชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อถูกลงโทษ แต่เกิดมาเพื่อได้รับบทเรียน
เธอไม่ต้องการจะก้าวล่วงเข้าไปในชีวิตของเขา

ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า
ทั้ง ๆ ที่ใจเธอเมื่อแรกเห็น...อยากเข้าไปสวมกอดให้หายคิดถึง
วันที่พบกันอีกครั้ง...
เขาก้าวแผ่นประตูขาออกของสนามบิน
เธอไปรอรับเขาด้วยใจกระวนกระวาย
เพื่อจะเห็นหน้าเขาว่าเขาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
แววตาช่างฝันยังคงมีให้เห็นหรือไม่

ภาพของชายกลางคนตรงหน้าเธอ
เหมือนคนตรากตรำงานหนักมาทั้งชีวิต
รอยยิ้มยังเหมือนเดิม บนแววตาที่ไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง
หัวใจเธอแทบหลุดลอย...
เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำถามว่า “คุณไปทำอะไรมา”
เพราะกลัวว่าไปตอกย้ำความรู้สึกที่เป็นปมด้อยของเขา
เธอต้องระวังคำพูดทุก ๆ คำที่กล่าวออกไป

เธออยากให้เวลาทั้งหมดเป็นของเธอ..แต่เธอทำไม่ได้
เพราะเธอไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเขาที่เก็บซ่อนไว้นั้น...มีเธอหรือไม่
เธอจึงต้อนรับเขาเหมือนแขกของเธอคนหนึ่ง
ให้เขาพักโรงแรมชั้นหนึ่งของเมืองนั้น
บริการนำเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยว
ตลอดเวลาที่เขาปฏิบัติภารกิจที่เธอจัดฉากให้เขาทำ
เขาก็ไม่ได้เอื้อยเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจให้เธอฟัง
นอกจาก...ทิ้งคำสุดท้ายไว้ “ตามหามาห้าปี กว่าจะเจอ”
แล้วเขาลาลับผ่านประตูทางขึ้นเครื่องบินไป
...............................................

ตอนที่ ๗...
เธอผู้ไม่เคยเรียกร้อง

สิ่งที่เธอคิดคือใช่ “มนุษย์เพศผู้ไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวได้”
เขามีภาระจริง ๆ หลังจากทราบว่าครอบครัวเขาต้องอับปางลงครั้งที่หนึ่ง
เขายังที่จะรับภาระของผู้อื่นเพื่อให้ตนเองมีเพื่อนมีครอบครัวในครั้งที่สอง
เขาคงเหนื่อยน่าดู แต่เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้

เธอไม่ต้องการเห็นความแตกร้าวในครอบครัวใคร
ทุกคนก็ต้องการความรักความอบอุ่น
ต้องการเพื่อนคู่คิด
แต่ถ้าให้พรากของผู้อื่นมาเธอคงทำไม่ได้
และไม่เคยอยู่ในความคิดของเธอ

เขาเองก็คงเห็นความเหมาะสมในสังคมเพื่อลดช่องว่างระหว่างชนชั้น
เขาจึงต้องแสดงความเป็นตัวตนเหนือเหตุผล
ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้อยู่ว่าเวลาที่เหลืออยู่เขาควรจะชดเชยให้เธอเพียงผู้เดียว
เขาเป็นผู้ทำเวลาทั้งหมดของเธอหายไป
เธอผู้ไม่เคยเรียกร้อง
เธอผู้ไม่เคยทวงสิทธิ
เธอผู้ไม่เคยใช่สิทธิ
เธอคือผู้สละสิทธิเสมอมา
...............................

ตอนที่ ๘...
โหยหาความรัก

นิฌา...ในสายตาของผู้อื่น เธอช่างเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง สามารถบังคับบัญชาคนให้อยู่ในโอวาทในสายงานได้อย่างง่ายดาย
แต่ในจิตใจของเธอ...ช่างเหงาเศร้าเหลือคณา
โดดเดี่ยว...ไร้แม้แต่คนจะเข้าใจความรู้สึก ๆ ที่เก็บซ่อนไว้ในซอกหลืบของหัวใจ
มีหนังสือเป็นเพื่อนร่วมทางยามเหงา
มีอินเตอร์เน็ทเป็นเพื่อนร่วมทางยามเศร้า
มีเหล้าเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมยามมีปัญหา

แต่ด้วยบทบาทหน้าที่ที่เธอพร่ำสอนผู้อื่น
ทำให้เธอต้องทนกับมันให้ได้
เธอจึงเสมือนว่าเป็นผู้หญิงที่แกร่ง เป็นผู้นำ
แต่แท้ที่จริงเธอแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่โหยหาความรัก
โหยหาเพื่อนร่วมทาง
................................................

ตอนที่ ๙....
ทำตามบทบาทหน้าที่

เธอพยายามบอกเขาว่า “คุณต้องทำหน้าที่ของคุณในภาระที่คุณมี”
หากทุกคนละทิ้งหน้าที่หรือทำผิดหน้าที่
ความสับสนวุ่นวายก็จะเกิดขึ้น
เพราะที่สับสนวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้
ก็เพราะคนไม่ทำตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง
โดยเธอไม่รู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นใครไม่ทำหน้าที่
หรือใครทำผิดบทบาทหน้าที่
อุบัติเหตุของชีวิตมันจึงเกิดขึ้น

แต่เธอก็เชื่ออยู่ประการหนึ่งว่า
เขาเป็นคงช่างฝัน ฉะนั้น อะไรก็ตามที่ผิดไปจากความฝันของเขา
มันอาจจะทำให้เขาทนกับมันไม่ได้
นอกจากความรับผิดชอบที่มีอยู่ในตัวเขาเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไร เธอเชื่อว่ามนุษย์ก็ยังปรารถนาที่จะสนองกิเลสตัณหาของตนเอง
กว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด
...................................

ตอนที่ ๑๐…
บทอำลา

เรายังต้องติดต่อกันอีกใช่ไหม หัวใจเธอร้องถาม
ใช่...เราต้องติดต่อกันอีก
บทกวีที่สวยงามเริ่มจะไม่สละสลวย
คำพูดบนจดหมายแผ่นใส ๆ บาง ๆ เริ่มจะมีการประชดประชัน
เสียงรับสายปลายทางเริ่มมีคนอื่นรับสายแทน
นิฌา...เธอเริ่มไม่สบายใจที่ความห่วงใยของเธอถูกตรวจสอบโดยผู้เกี่ยวกับเขา
เธอถามใจไปมาหลายครั้งว่า
ว่าถ้าเธอเลิกติดต่อสื่อสารกับเขา
เขาจะคิดน้อยใจไหม เพราะลำพังเขาก็มีสถานภาพทางสังคมด้อยกว่าเธออยู่แล้ว เขาคิดว่าเธอตีค่าความรู้สึกของเขาเช่นไร
เธอเฝ้าหาคำตอบบนความห่างไกล ที่มีงานเป็นตัวเชื่อม
เธออยากจะตะโกนออกไปดัง ๆ ว่า
“ฉันจะทำอย่างดี...ฉันคิดถึงเขา...แต่ฉันไม่อาจจะทำตามใจที่ฉันคิดได้...”
เธอจึงตัดสินใจด้วยหัวใจที่อ่อนล้าว่า
“ยุติ...ให้กาลเวลาจะเป็นผู้ชี้ชะตา”..........
................................................................